EBA CU กับ BE TU ต่างกันยังไง? เรียนที่ไหนดี?
ถ้าพูดถึงคณะเศรษฐศาสตร์ที่เป็นหลักสูตรนานาชาติซึ่งอยู่ในอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย คงจะหนีไม่พ้นคณะของ 2 มหาวิทยาลัยนี้ คือ EBA CU (คณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) และ BE TU (คณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ถึงแม้ว่าจะเป็นคณะเศรษฐศาสตร์ภาคอินเตอร์เหมือนกัน แต่บอกเลยว่าหลักสูตรของ 2 มหาวิทยาลัยนี้มีความต่างกันค่อนข้างมาก หากน้อง ๆ สนใจอยู่ละก็… ต้องรีบไปดูเลย จะได้รีบตัดสินใจและเริ่มเตรียมตัวกันได้เลย!
เรียนอะไร?
อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่า EBA CU กับ BE TU คือ คณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ จากชื่อคณะแล้วก็แน่นอนว่าน้อง ๆ จะได้เรียนเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ ระบบเศรษฐกิจ การเงินและการบัญชี รวมไปถึงการจัดการทรัพยากร และการต่อยอดในการบริหารองค์กรหรือประเทศชาติเลยค่ะ
เหมาะกับใคร?
EBA CU กับ BE TU เหมาะกับน้อง ๆ ที่มีความสนใจทางด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การบัญชี และแน่นอนว่าจะต้องชอบตัวเลขประมาณหนึ่ง เพราะว่าคณะนี้จะมีการเรียนที่ต้องใช้การคำนวณไม่น้อยเลยค่ะ
การเตรียมตัวสอบเข้า
สำหรับเกณฑ์การสอบเข้า EBA CU กับ BE TU จะคล้ายกันมาก ๆ โดยจะใช้ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์เหมือนกัน โดยที่ทั้ง 2 สถาบัน ก็จะมี option ต่าง ๆ ให้เลือกว่าสามารถยื่นคะแนนอะไรได้บ้าง แต่ถ้าถามว่าคะแนนไหนที่น้อง ๆ หลายคนมักจะเตรียมตัวสอบกัน ก็คงไม่พ้น SAT, IELTS, TU-GET และ CU-TEP ซึ่งก็ต้องดูว่าสถาบันที่เราจะสมัครสอบ อนุญาตให้ใช้ผลสอบอะไรได้บ้าง
เพิ่มคะแนน SAT Math ให้ 750+
ไม่อยากอย่างที่คิด
นอกจากนี้ ถ้าอ้างอิงข้อมูลสถิติจากปีที่ผ่าน ๆ มา คะแนนที่จะสอบติด EBA CU จะต้องใช้คะแนนที่สูงกว่า BE TU และในส่วนของการสอบสัมภาษณ์นั้น EBA CU จะมีประกาศชัดเจนว่าคะแนนสัมภาษณ์จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 30% ของคะแนนทั้งหมด แต่ BE TU จะไม่นำการสัมภาษณ์มานับเป็นคะแนนในการสอบ แต่!! หากสอบไม่ผ่านสัมภาษณ์ BE TU จะถือว่าสอบตกทันที ไม่ว่าเราจะมีคะแนนที่สูงเท่าไรก็ตาม ก็สามารถสอบตกได้! เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเตรียมสอบ EBA CU หรือ BE TU ก็ต้องเตรียมตัวสัมภาษณ์กันดี ๆ เลยค่ะ
การเลือกสาขาหลัก (Major) และสาขารอง (Minor)
อีกหนึ่งเรื่องที่ EBA CU และ BE TU แตกต่างกันค่อนข้างชัดและมีผลต่อการตัดสินใจของน้อง ๆ หลายคน คือ การเลือกสาขาหลัก (Major) และสาขารอง (Minor) ในการเรียน
สำหรับ EBA CU จะไม่มีสาขาแยกออกไปให้เลือกเรียน โดยจะมีวิชาเรียนบังคับที่ทางหลักสูตรกำหนด และหลังจากนั้นจะมีวิชาให้เลือกเรียนตามที่สนใจ
ในส่วนของ BE TU นั้น จะมีให้เลือกทั้งหมด 9 สาขา (Major) ได้แก่ Political Economics, Economic Theory, Quantitative Econ., Monetary Econ., Public Econ., International Econ., Development Econ., Human Natural Environment Econ. และ Industrial Econ.
นอกจาก 9 Majors แล้ว BE TU จะยังมีให้เลือกอีก 2 Minors คือ Finance กับ Marketing โดยที่น้อง ๆ สามารถเลือกได้ว่าจะมุ่งเน้นไปทางด้านไหน หรือจะเลือกเรียนเป็นแบบ Free Cluster ก็ได้ ที่ไม่ได้เน้นไปด้านใดด้านหนึ่ง แต่เรียนควบคู่ไปทั้ง 2 ด้านเลยค่ะ
สถานที่เรียน
EBA CU ขึ้นชื่อว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แน่นอนว่าน้อง ๆ จะได้เรียนอยู่ที่ใจกลางเมืองที่มีห้างรุมล้อมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สยามพารากอน สามย่านมิตรทาวน์ จามจุรีสแควร์ และยังเดินทางมาง่ายมากเพราะว่าใกล้รถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT เลยค่ะ
BE TU จะตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ท่าพระจันทร์ ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองไม่ต่างจาก EBA CU เลยค่ะ และยังอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า MRT อีกด้วย นอกจากนี้ถ้าเทียบกับคณะที่อยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ท่าพระจันทร์ BE TU ถือว่าเป็นคณะที่สะดวกที่สุดใน มธ. ศูนย์ท่าพระจันทร์เลยก็ว่าได้ เพราะมีโรงอาหารเป็นของตัวเอง และใกล้ห้องสมุดมาก ๆ เลยด้วย
การเรียนการสอน
สำหรับ EBA CU ในปีที่ 1 น้อง ๆ คนไหนที่กลัวว่าจะไม่รู้เรื่องเศรษฐศาสตร์มาก่อนแล้วจะเรียนไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะว่าในปีนี้จะมีวิชา Principle of Economics ที่จะช่วยปูพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์ให้ก่อนที่จะไปเรียนวิชาด้านเศรษฐศาสตร์ที่เจาะลึกลงไป ส่วนวิชาอื่น ๆ นั้นในปีที่ 1 ถึงปีที่ 2 ทางคณะจะกำหนดวิชาที่ต้องเรียนไว้ให้แล้ว โดยน้อง ๆ จะได้เลือกวิชาเรียนได้เองตั้งแต่ช่วงปี 3 เป็นต้นไปค่ะ
ในส่วนของ BE TU น้อง ๆ จะเริ่มเข้าสู่เนื้อหาเชิงลึกเลยตั้งแต่ปี 1 เลย ซึ่งจะแตกต่างจาก EBA CU ที่มีการปูพื้นฐานให้ก่อน และในส่วนของการเลือกวิชาเรียนนั้น จะสามารถเลือกวิชาเรียนได้เองตั้งแต่ปี 1 เทอม 2
ค่าเทอม
อีก 1 คำถามยอดฮิตที่น้อง ๆ และคุณพ่อคุณแม่หลายคนอยากรู้ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเข้าเรียนใน 2 สถาบันนี้ ก็คือ ค่าเทอม เพราะจะได้วางแผนการเงินได้อย่างถูกต้อง TUTORRUS เลยสรุปค่าเทอมของทั้ง EBA CU และ BE TU มาให้ไว้ในนี้แล้วค่าาา
EBA CU
ค่าเทอมจะอยู่ที่ 105,000 บาทต่อเทอม ส่วนค่าเทอมภาคฤดูร้อนจะอยู่ที่ 47,250 บาทต่อเทอม
BE TU
ค่าเทอมจะอยู่ที่ 89,000 บาทต่อเทอม ส่วนค่าเทอมภาคฤดูร้อนจะอยู่ที่ 27,000 บาทต่อเทอม
สรุป
สำหรับคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคอินเตอร์ ไม่ว่าจะของทั้ง EBA CU หรือ BE TU น้อง ๆ จะได้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์เพื่อไปต่อยอดในอนาคตได้แน่นอนค่ะ แต่ถ้าถามว่าเรียนที่ไหนดีกว่า พี่จะแนะนำว่าน้อง ๆ ที่มีความต้องการ หรือ รู้ตัวอยู่แล้วว่าจบไปอยากทำอะไร BE TU อาจจะเหมาะกว่า ด้วยความที่ BE TU จะมีแยกเป็น Major และ Minor ให้เลย ส่วนน้อง ๆ ที่อยากจะเรียนเป็นมุมกว้าง ๆ ตามความสนใจไปก่อน EBA CU จะให้ความหลากหลายกว่า และไม่ว่าจะเข้าที่ไหน น้อง ๆ ก็ต้องเตรียมคะแนนภาษาอังกฤษและคะแนนคณิตศาสตร์ เพราะฉะนั้นอย่าลืมรีบเตรียมตัวกันนะคะ
เตรียมสอบ EBA-BE ให้พร้อม
กับ TUTORRUS
การันตีด้วยรีวิวน้อง ๆ และประสบการณ์สอนมากกว่า 10 ปี
อ้างอิงข้อมูลจาก
Comments